การดูแลสุขภาพเมื่อเจอปัญหาฝุ่น หมอกควัน
สถานะการณ์หมอกควันจังหวัดเชียงใหม่ รายงานเมื่อ วันที่ 2 มี.ค. 2558 จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ต.ศรีภูมิ อ.เมือง, เชียงใหม่ พบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10)มีค่า 181 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ ขณะที่จังหวัดอื่นในเขตภาคเหนือตอนบนหลายพื้นที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กใน อากาศเกินค่ามาตรฐานเช่นกัน สำหรับประชาชนทั่วไปเริ่มมีอาการระคายเคืองจมูกและแสบตา เนื่องจากปริมาณหมอกควันหนาปกคลุมตัวเมืองเชียงใหม่ จนไม่สามารถมองเห็นวิววัดพระธาตุดอยสุเทพได้ตลอดทั้งวัน
รพ.กอง บิน ๔๑ ขอประชาสัมพันธ์ ให้ข้าราชการ ลูกจ้าง และครอบครัว ชาวกองบิน ๔๑ ทราบถึงสถานะการณ์หมอกควันไฟป่า และวิธิดูแลสุขภาพ จากปัญหาฝุ่นหมอกควัน
ควันไฟป่าและหมอกควันจากไฟป่า มีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างไร ?
- ฝุ่นละอองของคาร์บอนจะมีผลระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ อันได้แก่ จมูก คอ หลอดลม และปอด ถ้าฝุ่นละออง ขนาดเล็กกว่า 10 ไมโครเมตร จะสามารถเข้าสู่ปอดได้ และมีผลทำให้ ปอดอักเสบ
- ก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ มีผลทำให้ขาดออกซิเจน
- สารไดออกซิน ก๊าซจากสารอินทรีย์ระเหย และก๊าซโอโซน มีผลทำให้ระคายเคืองทางเดิน หายใจและทำให้ปอดอักเสบ และอาจทำให้เกิดมะเร็งได้ถ้าได้รับสารนี้นานๆหลายปี
- ก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ จะมีผลระคายเคือง ทางเดินหายใจ ทำลายเนื้อเยื่อปอด อาจทำให้ ปอดบวมน้ำได้และเมื่อผสมกับน้ำในร่างกายจะมีฤทธิ์เป็นกรด อย่างไรก็ตาม หากควันไฟและ หมอกควันดังกล่าว ลอยมาจากที่ไกล ฝุ่นละอองเขม่าควัน เถ้าลอยและก๊าซพิษก็จะเจือจาง เพราะเป็นกระแสลมพัด
อาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น เป็นอย่างไร ?
- แสบตา ตาแดง
- มีน้ำลายไหล น้ำมูกไหล
- เจ็บคอ คออักเสบ
- ไอ หายใจลำบาก
- ในผู้ที่เป็นโรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ โรคหัวใจ อาจมีอาการกำเริบได้
- ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
ใครคือกลุ่มเสี่ยง ต่อผลกระทบต่อสุขภาพเนื่องจากควันไฟและหมอกควันไฟป่าที่ต้อง ดูแลสุขภาพมากเป็นพิเศษ ?
กลุ่มเด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นโรคหอบหืด โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจและโรคปอด โรคภูมิแพ้ โรคหัวใจและผู้ที่ทำงานที่เสี่ยงต่อการได้รับฝุ่นละอองและหมอกควันอยู่แล้ว เช่น คนงานในโรงงานโม่หิน คนงานก่อสร้าง ที่อยู่ในบริเวณที่มีควันและหมอกควันจากไฟป่า
ประชาชนจะดูแลป้องกันสุขภาพตนเองได้อย่างไร?
1. ถ้าอยู่ในบริเวณที่มีควันไฟและหมอกควันให้ใช้หน้ากากอนามัยหรือผ้าที่ทำด้วย ฝ้ายหรือลินินพันหลายทบมาคาดปากและ จมูกป้องกันควันไฟ และอาจพรมน้ำที่ผ้าดังกล่าวหมาด ๆ เพื่อซับกรองก๊าซได้มากขึ้น
2. ผ้าที่ใช้คาดปากและจมูก และ/หรือหน้ากากป้องกันที่ใช้นั้น ถ้าสกปรกหรือเริ่มรู้สึกอึดอัด หายใจไม่สะดวก ซึ่งอาจเนื่องจากเขม่าควันเกาะติดอยู่จำนวนมากควรเปลี่ยนใหม่
3. บริเวณที่อยู่อาศัยที่ไม่มีระบบระบายอากาศ ระบบปรับอากาศ ต้องปิดประตูหน้าต่างไม่ให้ควัน เข้ามาในอาคาร และ พยายามไล่ควันออกจากบ้านเรือน เช่น เป่าพัดลมในทางเดียวให้ควัน ดังกล่าวออกจากบ้านเรือนสู่ภายนอก
4. ในห้องเรียน ศูนย์เลี้ยงเด็ก สถานพยาบาล ศูนย์การค้า หรืออาคารขนาดใหญ่ที่ต้องมีที่กรอง อากาศจากภายนอกอาคารเข้าสู่ในอาคารมีการเปลี่ยน/ล้างระบบกรองอากาศเป็นประจำ
5. ไม่เผาสิ่งใดที่เป็นการเพิ่มหมอกควันมากยิ่งขึ้น
6. คอยดูแลผู้ที่อยู่ในบ้านโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นโรคหอบหืด โรคหัวใจ ผู้พิการ และ/หรือผู้ที่ไม่สามารถ ช่วยตัวเองได้ โดยพาออกจากที่ที่มีหมอกควันมากหาก มีอาการผิดปกติให้นำส่งแพทย์
7. คอยฟังข่าวเตือนภัย เพื่อดูและป้องกันตนเองให้ห่างจากสถานที่ที่มีภัยจากหมอกควัน ดังกล่าว
8. ถ้ามีอาการผิดปกติในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ มีไข้สูง,ไอ,เจ็บอก ให้รีบพบแพทย์เพื่อ ทำการรักษา